วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอก ! รีวิว Geneva Model L ลำโพงสุดชิคจากสวิตเซอร์แลนด์

ประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอก ! รีวิว Geneva Model L ลำโพงสุดชิคจากสวิตเซอร์แลนด์

Geneva Acoustics แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์แดนนาฬิกาหรู โดดเด่นด้วยดีไซน์ สวย-ประนีต-แหวกแนว อันเป็นเอกลักษณ์ เปรียบประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกประดับบ้าน ได้ใจลูกค้าที่ชื่นชอบการออกแบบที่มีสไตล์ โมเดลที่ผมได้รีวิวคือ Geneva Sound System "Model L DAB+" (with Bluetooth) มันคือเครื่องเล่น "All-In-One" พร้อมลำโพงที่ผนวกการเชื่อมต่อไร้สายอย่างบลูทูธมาให้ด้วย 
หมายเหตุ : DAB+ คือ Digital Radio ประเทศไทยยังไม่รองรับ


Geneva Model L (with DAB+ & Bluetooth)
ราคาเปิดตัว 49,900 บาท
Geneva แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์
Model L หรือขนาด "ใหญ่" และสีที่ทีมงานได้มาทดสอบคือสีดำ Glossy Black


ดีไซน์เปรียบประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน

Geneva Model L : All-in-One Bluetooth Speaker
-ลำโพงประกอบด้วยทวีตเตอร์ขนาด 1" สองตัว
-ลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 5.25" สองตัว
-ภาคขยาย : 4 ช่อง  Digital (Class D) Amplifier 180 watts ประสิทธิภาพสูง กินไฟต่ำ
-Bluetooth 2.1 (A2DP) Apt-X and  AAC codecs  เพื่อรับข้อมูล Streaming แบบไร้สาย
-CD player
-วิทยุ FM ดิจิตอลมีฟังก์ชั่นค้นหาสถานีระบบอัตโนมัติ บันทึกสถานีได้ 6 สถานี
-DAB/DAB+ radio บันทึกสถานีได้ 6 สถานี
-นาฬิกาปลุกแบบดิจิตอล
-ควบคุมด้วยปุ่มกด เรืองแสง ระบบสัมผัส
-จอดิสเพลย์ LED แสดงผล Volume/Mode/Frequency และ เวลา
-ควบคุมด้วยปุ่มกดเรืองแสง ระบบสัมผัส
-มี 2 ขั้วต่อ Stereo mini-jack และ  RCA
-สีเคลือบขึ้นเงาแบบเปียโน มีสีขาว สีดำ สีแดง
-ควบคุมด้วย Remote control
-ขาตั้ง อะลูมิเนียม ประกอบและแยกชิ้นได้
ฟีเจอร์
-ระบบลำโพง : 2 × 1“tweeters และ  2 x 5.25” woofers  
-ภาคขยาย : 4 ช่องสัญญาณ Digital (Class  AB) Amplifier 180  Watt
-การตอบสนองความถี่ : 40 Hz - 20 kHz
-แหล่งจ่ายไฟ : 100 - 240V AC, 50 - 60Hz
-โหมดประหยัดพลังงาน  Max 100 W, Standby 0.5 W
-น้ำหนัก : ~16.0 kg
-เชื่อมต่อ Bluetooth 2.1 A2DP apt-X and  AAC codecs
-Stereo mini  (3.5 mm)
-Analogue audio inputs for external audio sources (1.8inch) RCA
-Support for external audio streaming devices (AirPlay® with Apple AirPort Express, Sonos, etc.)
via the stereo mini connector.
ขนาดและน้ำหนัก
-กว้าง × ยาว × สูง (เมื่อถูกเปิด): 44.8 ซม. x 29.1 ซม.x36.5 ซม.  
-น้ำหนัก: 16 กิโลกรัม (35 ปอนด์)
ราคาเปิดตัว 49,900 บาท

หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ genevalab
ดีไซน์ของ Geneva มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวตู้ของ Model L ทำจากไม้พร้อมเคลือบผิวสีดำเงาแบบเปียนโนกลอส ดูสวยงามหรูหรา ตัวเครื่องทรงสี่เหลี่ยมมีขนาดค่อนข้างใหญ่บึกบึน หากเป็น Model M หรือ S ก็จะเล็กลงตามลำดับ กล่าวคือชื่อรุ่นจะถูกเรียงลำดับเหมือนขนาดเสื้อ เช่น S, M , L, XL เนื่องด้วยสรีระของตัวตู้ที่ใหญ่ทำให้ได้เปรียบเรื่องการจัดวางตัวขับเสียงโดยไร้ข้อจำกัด ไร้การถูกลดทอนอย่างไม่จำเป็น (เฉกเช่นลำโพง Soundbar) แผงหน้าโดดเด่นด้วยดีไซน์ "รูปโดม" ซึ่งเมื่อเห็นปุ๊บจะรู้ปั๊บว่ามันคือ Geneva มุมขวาบนของแผงหน้ามีไฟ Digital แสดงสถานะการทำงานของเครื่อง ส่วนด้านบนมีปุ่มกดระบบสัมผัส รวมถึงช่องใส่ CD แบบดูดเข้า ซึ่งทำงานได้อย่างสมูธลื่นปรื๊ด ด้านล่างมีช่องต่อ Input แบบ Analog RCA in , แจ็ค Stereo Mini 3.5 พร้อมช่องต่อสำหรับวิทยุ FM ส่วนด้านหลังเป็นท่อคายเบสดีไซน์สลิมยาว ถือว่าทำได้สวยงามกลมกลืนเข้ากับตัวเครื่อง ด้านรีโมทคอนโทรลมีขนาดเล็กกระทัดรัดดูหรูหรา เคสสีเงินตัดกับปุ่มสีดำได้ค่อนข้างลงตัว พร้อมปุ่มควบคุมและปุ่มสลับ Input อย่างครบครัน

ด้านหน้าของเจ้า Model L

ตัวเครื่องสีดำเงา Glossy Black

ปุ่มกดแบบสัมผัส

ฐานรองเครื่อง 4 ขา แข็งแรงมั่นคง
สามารถถอดได้ในกรณีต้องการวางกับขาตั้ง

ช่องต่อ Input มีทั้ง Radio / Line In = Analog แดง-ขาว / และ Air = แจ็ค 3.5
ส่วนช่องเสียบสายไฟแเป็นแบบ IEC 3 ขา

ท่อคายเบสด้านหลัง ช่วยเพิ่มพลังและความหนักแน่น
 
 เส้นสายที่ติดมาในชุดประกอบไปด้วย
สาย Mini Jack 3.5 / สายอากาศสำหรับวิทยุ FM / สายไฟ



รีโมทไซส์คอมแพ็ค เคสสีเงินตัดกับปุ่มสีดำ
มาทดสอบประสิทธิภาพกัน ตัวผมเองเป็นคนชอบฟังเพลงมากถึงมากที่สุดอยู่แล้ว เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้เครื่องเล่นระดับจัมโบ้มาไว้ประจำการภายในบ้าน โครงสร้างการขับเสียงภายในประกอบไปด้วยทวีตเตอร์ขนาด 1" = สองตัว และวูฟเฟอร์ขนาด 5.25" = สองตัว นั่นหมายถึงมันเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ (บางท่านอาจไม่แน่ใจเพราะมันมองไม่เห็นดอกลำโพงภายใน) ภาคขยาย : 4 ช่อง Digital (Class D) Amplifier 180 watts ประสิทธิภาพสูง กินไฟต่ำ

เริ่มจากแผ่น CD ก่อนเลย เพลง Acoustic หวานๆจาก M.Y.M.P ใส่แผ่นลงช่อง Slot มันดูดแผ่นลงไปได้ "นิ๊ง" มาก จัดว่าลื่นไหลและเงียบสงัดสลัดข้อยึดติดที่เคยชินกับเสียงดูดแผ่นอันน่ากลัวของเครื่องเล่นเกมส์ PS3 / PS4 หรือแม้กระทั่งเครื่องเล่น CD ในรถของผมไปจนหมดสิ้น ผมเชิญ "คุณชานม" อาจารย์โยดาแห่งภาพและเสียงให้มาทดสอบใส่แผ่นอยู่บ่อยๆ แกยังเผลอเอ่ยปากว่า "เนียนและสงัด" มาก จริงๆแอบใช้แกเปลี่ยนแผ่นให้ต่างหาก (ฮา) เลยขอชมเชยไว้ ณ ตรงนี้ 
 
พระเอกคือดอก Woofer ขนาด 5.25" สองคู่ ผสานพลังกับ Tweeter ขนาด 1" อีกสองคู่
 
เครื่องดูดแผ่น CD ลงไปได้เนียนมากจนแอบอมยิ้ม
 
เริ่มเล่น Track 1 เพลงโปรด Especially For You เจ้า Geneva Model L ก็ถ่ายทอดเสียงกีตาร์พลิ้วๆสอดประสานกับเสียงร้องของนักร้องสาวได้อย่างลงตัว มีความชัดและเอิบอิ่ม เสียงสายกีตาร์ตึงแน่น ได้ความเป็นดนตรีสูง มิติสเตอริโอซ้ายขวายังมีบ้างถึงแม้หน้าลำโพงเป็นชิ้นเดียว ส่วนโฟกัสนักร้องชัดเจน สามารถจินตภาพตำแหน่งเครื่องดนตรีลึกตึ้นได้ ผมนั่งฟังไปพร้อมนั่งทำงานกับโน้ตบุ๊คไป ขอสารภาพว่าเสียงมันไพเราะและฟังสบายหูมาก จนสมาธิในการทำงานของผมหลุดกระเจิงไปจดจ่อกับเจ้า Geneva แทน ขอบเขตสเตอริโออิมเมจไม่กว้างนักแต่ระดับความดังสามารถครอบคลุมห้องขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างสบาย โดยตัวเครื่องก็สามารถปรับจูนระดับเบส (Bass) และเทรเบิ้ล (Treble) ให้เหมาะสม ได้จากรีโมทคอนโทรลสุดชิค เพียงแค่กด + หรือ - เพื่อเพิ่มหรือลดระดับได้ตามใจชอบ
 

เพลง Especially For You จาก M.Y.M.P
หลังจากนั้นทดสอบกับเพลงออดิโอไฟล์ระดับอ้างอิงอย่าง Better To Be Home Soon ของ Andrea Zonnจากแผ่น Best Audiophile Voices II กันบ้าง จุดเด่นของเพลงนี้คือวัดคุณภาพและปริมาณของ "เบส" ได้ตั้งแต่เริ่มฟัง และก็ไม่ผิดหวัง เจ้า Geneva Model L สามารถโชว์ออฟ "จุดแข็ง" ของมันออกมาได้อย่างหมดจด เสียงเบสค่อนข้างใหญ่โตโอฬาร คุณภาพจากเสียงเครื่องเคาะในช่วงอินโทรได้ทั้งลึกและสะอาด เหนือชั้นกว่าพวก Bluetooth หรือ Desktop Speaker ทั่วไปไปหลายช่วงตัว เสียงนักร้องสาวเอื้อยออกมาได้ถึงอารมณ์ในช่วงก่อนจบช่วงท่อนฮุค ฟังนานได้ไม่มีล้าหู จุดเด่นของตัวตู้ใหญ่และควบรวมทวีตเตอร์และวูฟเฟอร์ไว้ในที่เดียวกันคือเสียงความถี่ทุกย่านถูกรวมและเปล่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติจากจุดจุดเดียว
 

เพลง Better to be Home Soon ของ Andrea Zonn
จากแผ่น Best Audiophile Voices II

เจ้า Model L รองรับการเล่นเพลงผ่าน Bluetooth โดยให้เรากดปุ่มสัญลักษณ์ Bluetooth บนรีโมท ผมลองสตรีมเพลง Change The World ของ Eric Clapton เป็นไฟล์ .wav ขนาดใหญ่ (ริปจากแผ่นแท้มา) อย่างที่รู้ว่าไฟล์ .wav มีเรโซลูชั่นที่สูงกว่าไฟล์ .mp3 อยู่มาก ผมใช้ทดสอบเพราะจะดูว่าการ Pairing และรับ-ส่งระหว่าง iPad 2 กับ Geneva Model L เป็นไปอย่างราบลื่นหรือไม่ ? ผลก็คือสบายหายห่วง ส่วนคุณภาพเสียงก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แม้มิอาจเทียบกับการเล่นจาก CD โดยตรง ช่วงอินโทรที่เปิดด้วยกีตาร์โปร่งสลับกับแบ็กกราวน์เครื่องเคาะเสริมจังหวะแบบเบาๆก็ยังคงรักษามาตรฐานน้ำหนักเสียงไว้ได้ดี เสียงร้องเอมอิ่ม ผ่อนคลายชวนฟัง
 

เพลง Change The World ของป๋าสโลว์แฮนด์ Eric Clapton

หรือแม้กระทั่งเปิดวีดีโอ YouTube เล่นใน iPad และให้เสียงไปออกที่ Geneva ก็ทำได้ชิลชิลเช่นกัน ถึงแม้คุณภาพเสียงจะมิอาจสู้การเล่นไฟล์เพลงแท้ๆในเครื่องก็ตาม ทดสอบการเล่นผ่าน Bluetooth ถือว่าผมแอบ "ติดใจ" เพราะสามารเลือกเปลี่ยนเพลงได้อย่างฉับไวโดยไม่ต้องเสียเวลาสลับแผ่น และที่สำคัญยังคงรักษาคุณภาพเสียงจากการสตรีมผ่านอากาศไว้ได้ดี สรุปทดสอบเพลินเลยยาวไปถึงตีสอง เล่นจน iPad แบตหมดซะงั้น เลยเปลี่ยนไปทดสอบกับการดูหนังในลำดับถัดไปแทนแบบไม่ต้องหลับต้องนอน
 
ทดสอบการเล่นผ่น Bluetooth ด้วย iPad 2
 
การทดสอบดูหนังผมใช้เครื่องเล่น Oppo BDP-95 เล่นแผ่น Blu-ray โดยต่อสาย 3.5 mm จากทีวีมาเข้าช่อง Stereo Mini Jack (Air) ของ Geneva Model L ขั้นสุดท้ายกดปุ่ม Air บนรีโมทเพื่อเปลี่ยน Input ให้เจ้า Geneva พร้อมรับและขับเสียงจากทีวี เอาหละ ! เริ่มจากหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Transformers : Age of Extinction เสียงคำรามของหุ่ยนต์ผู้นำ Optimus Prime ใหญ่เข้มน่าเกรงคราม เสียงซาวด์เอฟเฟกต์จังหวะต่อสู้กันโครมครามแผ่ซ่านออกมาอย่างมีน้ำหนัก แม้เสียงจะกระจุกอยู่ตรงกลางไม่เซอร์ราวด์นัก แต่เนื้อเสียงและปริมาณเบสทำได้ดีกว่าทีวี Sony รุ่นท็อปที่ให้ลำโพงขนาบข้างมา ดังนี้ผมจึงนำมันมาใช้แทนลำโพงทีวีทั้งการดูหนัง รวมถึงดูช่องรายการต่างๆ ยิ่งเป็นเสียงบทสนทนานี่ทำได้ดีมาก อิ่มแน่น ไม่มีกร้าน บาดหูเหมือนลำโพงติดทีวีทั่วไปหรือแม้กระทั่งลำโพงซาวด์บาร์ในหลายรุ่น

ทดสอบกับ Transformers : Age of Extinction เสียงหนักแน่นมีน้ำหนักและชัดเจน
ผมใช้แทนลำโพงทีวีและซาวด์บาร์ไปเรียบร้อยโรงเรียนสวิส
 
หลังจากนั้นลองทดสอบแผ่นคอนเสิร์ตของป๋า Elton John เพลง Dont let the sun go down on me  ซึ่งเป็นเพลงหากินของผมที่มักใช้เปิดสาธิตในงานบรรยายประจำปี ค่อนข้างประทับใจเสียงกระแทกเปียโนคลอไปกับเสียงร้องรัวเร็วของป๋าในช่วงท่อนฮุค ปลายเสียงทะยานออกไปอย่างพอเหมาะ ไม่รุกเร้าเกินไปจนเสียดเข้าหู การจำแนกทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรีและรายละเอียดทำได้อยู่ในเกณฑ์ดี สมดุลเสียงดีเยี่ยม โดยรวมแล้วสามารถส่งมอบอารมณ์กินใจได้เทียบเคียงลำโพงไฮไฟ 
 
เอามาทดสอบกับคอนเสิร์ต Blu-ray ของป๋า Elton John


ดีไซน์สุดชิคแบบนี้ หากมีติดไว้ในห้องนั่งเล่นคงเท่ห์น่าดู ^ ^
 
สรุป
- คุณภาพเสียงดีเยี่ยม เสียงใหญ่มีน้ำหนัก เอิบอิ่ม ฟังสบาย
- ดีไซน์สวยเป็นเอกลักษณ์ หากวางขาตั้งจะเปรียบดั่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกภายในบ้าน
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และแบบ Analog ด้วยสาย RCA และ Mini Jack 3.5
- ตัวเครื่องอาจจะเทอะทะ มีน้ำหนักมากไปนิด แต่นั่นหมายถึงเครื่องในที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ
- ช่องใส่ CD ทำงานได้ "นิ๊ง" มาก ดูดแผ่นได้เนียนตาและหูที่สุด
- หากใส่แผ่น CD ค้างไว้ในเครื่อง และมีการใช้ Input เป็น Air (Mini Jack 3.5) บางที Input จะกระเด้งสลับกลับไปเป็น AIR เองในบางครั้ง แนะนำให้เอาแผ่นออกจากเครื่องก่อนทุกครั้ง
 
เมื่อ "ดีไซน์มาบรรจบกับคุณภาพ" Geneva Model L จึงเป็นอีกหนึ่งลำโพงที่มิได้แค่โดดเด่นเฉพาะรูป....แต่จูบหอมด้วย รองรับการเล่นหลากรูปแบบทั้ง Bluetooth / CD / Analog In เรื่องคุณภาพเสียงจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม สเกลเสียงใหญ่ หนักแน่น ได้ความโอ่อ่า ฟังสบาย ทำให้ใช้เวลาเพลินกับมันได้ทั้งวัน ที่สำคัญด้วยกำลังขับกว่า 180 Watts จึงสามารถเปล่งเสียงครอบคลุมห้องนั่งเล่นขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างทั่วถึง สรุปว่าเจ้า Geneva Model L เปรียบดั่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามที่ช่วยเสริมบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่ขึ้นด้วยรูปลักษณ์และเสียงเพลงอันไพเราะ หากมีติดไว้ซักมุมหนึ่งในบ้าน...ก็คงเก๋ไก๋อย่าบอกใครเชียว !
 
 

ขอบคุณ บริษัท มหาจักร ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ที่เอื้อเฟื้อเครื่องทดสอบ

สนใจสินค้าติดต่อ : บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
46 ถ.สุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร. 02-2560020-9 แฟกส์: 02-253-1696
อีเมล์: info@mahajak.com

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

JBL Synchros Reflect หูฟังสำหรับการออกกำลังกายในฟิตเนส ได้รับรางวัล reddot award 2014

JBL Synchros Reflect หูฟังสำหรับการออกกำลังกายที่ได้รางวัล reddot award 2014 ได้ยินชื่อมานาน แต่พึ่งได้มีโอกาสจัดมารีวิว เนื่องจากการออกกำลังกายนี่แหละที่ทำให้นุทหาหูฟังที่เหมาะสมกับการใช้งานมาช่วยให้การออกกำลังกายสนุกมากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะบอกว่าไม่เกี่ยว อันนี้ก็ขึ้นกับแต่ละคนอะเนอะ สำหรับนุทมันช่วยได้เยอะนะ เพลงที่สนุกช่วยบิ้วให้เราออกกำลังกายได้อย่างฮึกเหิม ยิ่งถ้าได้หูฟังแจ่มๆเสียงเพลงกระหึ่มๆยิ่งกระตุ้นให้ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง แล้ว JBL Synchros Reflect มันดียังงัย

JBL synchros

  • อุปกรณ์ Ear-Tips มีการออกแบบให้องศาของมุนแต่ละอันเข้ากับสรีระของหูได้อย่างพอดี
  • การจัดการสายเคเบิลมาพร้อมกับคลิปสำหรับเหน็บเสื้อ ที่สามารถเลื่อนให้สายเคเบิลมีความกระชับไม่เกะกะ สำหรับรองรับทุกการเคลื่อนไหว
  • สามารถปรับขยายความยาวสายเคเบิล ด้านซ้าย และด้านขวาได้ตามต้องการ ซึ่งสายเคเบิลสามารถที่จะปรับได้อย่างง่าย เพื่อกำหนดให้เหมาะสมกับอุปกรณ์พกพาของคุณได้ตามต้องการ
  • รองรับ iOS สามารถควบคุมการเปิดใช้งานไมโครโฟนผ่าน Remote ได้ เพื่อความสะดวกสบาย สำหรับการรับสายเรียกเข้าในขณะที่ใช้งาน กับปุ่มควบคุมการรับสาย และการปรับระดับของเสียงเพลง พร้อมทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับ Application iOS เพื่อรองรับการใช้งานฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
  • คุณภาพเสียงคมชัดมาก กับลำโพงขนาด 8.5mm ช่วยให้เสียงเบสมีความโดดเด่น และเสียงร้องที่มีความชัดเจน

JBL synchros

Features
  • สีสันสดใส ทนทานต่อเหงื่อ และน้ำ
  • Ear-Tips มีการออกแบบให้องศาของมุมแต่ละอันเข้ากับสรีระของหูได้อย่างพอดี
  • สายเคเบิล มีคลิปจัดระเบียบไม่ให้เกะกะ รองรับทุกการเคลื่อนไหว
  • ปรับความยาวของสายเคเบิล ซ้าย/ขวา ได้
  • รองรับ Application iOS สำหรับการควบคุมไมโครโฟนผ่าน Remote
  • ประสบการณ์ใหม่ กับคุณภาพเสียงจาก JBL

JBL synchros

Specifications
  • Premium 8.5mm dynamic driver
  • Frequency response : 10Hz – 22kHz
  • Connection : 3.5mm jack

JBL synchros

สำหรับประสบการณ์การใช้ JBL Synchros Reflect มาสักพักใหญ่ๆ นุทใช้ตอนวิ่งทุกวัน อันเนื่องจากวิ่งบนเครื่องวิ่งเลยไม่สามารถใช้แบบหูฟังไร้สายได้ อยากบอกว่าหูฟังตัวนี้แน่น กระชับ เวลาออกกำลังกายหนักๆไม่มีหลุด คุณภาพเสียง คมชัด เวลาฟังเพลงแนว dance แจ่ม เอาเป็นเรื่องของเสียงนี่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่เนื่องด้วยที่มันแน่นเพราะเป็น inear เสียงก็ชัดเจนทำให้ไม่ควรใส่ออกกำลังกาย outdoor เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

JBL synchros

เมื่อใช้งาน JBL Synchros Reflect อย่างต่อเนื่องบอกได้เลยว่าคงทนมาก สายบิดงอได้โดยไม่หักขาด มีปุ่มควบคุมการใช้งานให้ด้วย แต่จะมีสิ่งเดียวที่นุทไม่ค่อยชอบเลยคือตัวสายต่อ เวลาวิ่งมันจะเหวี่ยงไปมากระแทกที่ตัว อันนี้แหละเป็นจุดที่รำคาญมากๆ เอาเป็นโดยรวมเป็นอีกตัวที่น่าใช้ทั้งดีไซด์และฟังก์ชั่นการใช้งาน

JBL Synchros Reflect

เพื่อนๆสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ JBL Synchros Reflect
ที่มา : noot010

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รีวิว : แนะนำ DENON AH-W150 Exercise Freak หูฟังเพื่อคนรักการออกกำลังกาย

Denon-AH-W150-Review-002

กล่าวคำว่าสวัสดีกันอีกสักหน่อย ยังตามเทรนด์การออกกำลังกายกันอยู่หรือเปล่าครับ วันนี้ผมพามาพบกับเจ้าDENON AH-W150 EXERCISE FREAK ซึ่งเป็น Bluetooth headset รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการออกกำลังกายแบบสุดตัว ด้วยคุณภาพในชื่อของ DENON เรื่องพลังเสียงคงหายห่วง ก็คงเหลือแต่การนำไปใช้ในการออกกำลังกายนี่ล่ะ
........
DENON ไม่ต้องท้าวความให้ยืดยาว เพราะเป็นหนึ่งในแบรนด์เรื่องของเครื่องเสียง ลำโพง และอื่นๆ ในรูปแบบเสียง โดย DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ออกแบบมาเพื่อรองรับการออกกำลังกายรูปแบบต่างๆ จริงๆ มีหลายสีให้เลือก วันนี้ได้สีฟ้ามาทดสอบกัน โดยมีสเปคตามนี้เลยครับ

Denon-AH-W150-Review
โดยจากสเปคแล้ว น้ำหนักไม่ได้ระบุเอาไว้ แต่ต้องบอกว่าน้ำหนักเบาใช้ได้เลยทีเดียว 

Denon-AH-W150-Review-002
Denon-AH-W150-Review-003
มาแกะกล่องกันครับ ต้องบอกว่ากล่องนี่ใหญ่ใช่เล่น คือเหมือนเจ้า DENON AH-W150 EXERCISE FREAK จะมีขนาดใหญ่แต่

Denon-AH-W150-Review-004
เปล่าเลยครับ ที่ใหญ่เนี่ย เค้าดีไซน์ที่เก็บ DENON AH-W150 EXERCISE FREAK โดยใช้ื้นที่พอสมควรเลยทีเดียว ที่เหลือก็เป็นกระเป๋าใส่อุปกรณ์ต่างๆ

Denon-AH-W150-Review-005
อุปกรณ์ทั้งหมดที่มี คือ DENON AH-W150 EXERCISE FREAK เป็น in-ear จึงมี earbud ให้เลือกหลายขนาด สามารถเปลี่ยนได้ตามขนาดหูของเราเลย แถมยังมีห่วงสำหรับร้อยเข้ากับกระเป๋าพกพา และติดตัวไปใช้งานได้อีกด้วย เอาจริงๆ เจ้าห่วงนี้ผมยังไม่ได้ใช้ แต่ทว่าบางการออกกำลังกายอาจจะต้องใช้นะครับ แต่ส่วนตัวคือวิ่งอย่างเดียว ก็ใส่เจ้า DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ติดหูไปเลย เลยไม่ได้ใส่กระเป๋าเพื่อติดตัวไปด้วย

Denon-AH-W150-Review-006DENON AH-W150 EXERCISE FREAK  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุน้ำหนักไว้ในสเปค แต่ทว่าพอใส่ใช้งานแล้วก็เบาใช้ได้เลยล่ะครับ ตัวเจ้า DENON AH-W150 EXERCISE FREAK  วัสดุคล้ายกับเป็นยางแต่จริงๆ เป็นพลาสติกเหนียว หรือไม่ก็ลูกผสม โดยมีความสามารถในการป้องกันเหงื่อได้
ตรงส่วนของปลายหูฟัง ข้อต่อสีเงิน สามารถปรับทิศทางได้รองทิศทางเลยทีเดียว

Denon-AH-W150-Review-007

สายคล้องคอ เมื่อเราใส่ DENON AH-W150 EXERCISE FREAK พลาสติกล็อคสายก็จะช่วยให้เข้ารูปสายให้กระชับกับต้นคอ เวลาสวมใส่

Denon-AH-W150-Review-008แน่นอนว่าหน้าที่ของเจ้า DENON AH-W150 EXERCISE FREAK  คือสำหรับใส่ฟังเพลง สำหรับการออกกำลังกาย ดังนั้นจะมีปุ่ม คอนโทรล ปรับระดับเสียงได้

Denon-AH-W150-Review-011

ซึ่งแน่นอนว่าปุ่มตรงหูด้านขวามมือ จะใช้สำหรับกดหยุดเพลง หรือเล่นเพลงต่อ ในขณะที่อีกด้านนึงนั้น เป็นปุ่มสำหรับ ปิด หรือเปิดการใช้งาน หรือโหมดจับคู่ (กดค้าง)

Denon-AH-W150-Review-009Denon-AH-W150-Review-010

ด้านในทั้งสองด้าน มีสัญลักษณ์ต่างๆ เอาไว้ครบ บอกอีกด้วยว่ารองรับไฟที่ 5V
การใช้งานเพิ่มเติมคือ สามารถกดรับสายโทรศัพท์ หรือโทรออกเบอร์สุดท้ายได้ 

Denon-AH-W150-Review-012

แน่นอนว่าต้องชาร์จผ่านพอร์ท microUSB ซึ่งระยะเวลาการชาร์จจริงๆ ผมไม่ได้จับเวลา แต่ทว่าตื่นมาก็หยิบใส่ใช้งานได้ แล้วแบตเตอรี่เค้าก็อึดพอตัวเลยทีเดียว วันนึงสบายๆ

Denon-AH-W150-002Denon-AH-W150-001

ทดสอบใส่ดู ซึ่งเจ้า DENON AH-W150 EXERCISE FREAK เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายจริงๆ น้ำหนักจากสเปคไม่ได้บอก แต่ทว่ามันเบามาก และเวลาที่ใช้งานก็ผ่านวันได้สบายๆ ส่วนการใส่ออกกำลังกายตงไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากถูกออกแบบมารองรับการออกกำลังกายเท่านั้น

Denon-AH-W150-005-horz

จริงๆสามารถใช้งานร่วมกับแอพได้กับแอพ Denon Sport แต่ทว่าพอผมโหลดมาใช้งานแล้ว ตัวแอพเองแจ้งว่าเก่าไปและให้อัพเดทใหม่ ซึ่งวิ่งไปที่หน้าเว็บ และกลายเป็นแอพ MapMyFItness ไปซะอย่างนั้น ซึ่งก็สามารถใช้ออกกำลังกายได้เช่นกัน แต่หากมีแอพประจำอยู่แล้ว ก็ใช้ตัวเดิมก็ได้ ใช้งานร่วมกับ DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ได้เหมือนกันนะ

โดยสรุป  
DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ราคาค่าตัวเปิดมา 4990 บาท ตอนนี้เห็นหาซื้อได้ในราคา 3990 บาท จริงๆ ก็ออกมาสักพักแล้วล่ะครับ อาจจะมีเรื่องสเปคของ bluetooth ที่ยังอยู่เวอร์ชั่น 3.0 แต่ก็ใช้งานร่วมกับ Smartphone ได้ทั้ง Android และ iOS อย่างไม่มีปัญหา พลังเสียงของ DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ผมว่ารองรับเสียงทุกช่วงเก็บรายละเอียดได้ครบ การสวมใส่สบาย ตรงส่วนของหูฟังเป็นแบบ in-ear ทำให้เสียงส่งตรงถึงด้านใน เสียงดังฟังชัดดี ส่วนข้อต่อตรงหูฟังทั้งสองด้าน สามารถบิดไปมาได้เพื่อรองรับองศาของรูหูของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน ฟังเพลง พร้อมออกกำลังกายไปด้วยได้สบายๆ สามารถใช้งานฟังก์ชั่นโทรศัพท์ รับสาย หรือโทรออกเบอร์สุดท้ายได้  ครบถ้วน แบตก็สบายหายห่วง ใส่ออกกำลังกายสัก 6 ชั่วโมงก็ยังไหว เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่รักการออกกำลังกาย และต้องมีเสียงดนตรีคลอไปด้วย DENON AH-W150 EXERCISE FREAK ช่วยคุณได้นะ

ขอบคุณ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ที่ให้ยืมอุปกรณ์ทดสอบ
ที่มา : PDAMobiz

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Geneva Model XS ลำโพงพกพาเล็กเสียงดี

ใครกำลังมองหาลำโพงพกพาขนาดเล็กเสียงดี มีลำโพง Geneva Model XS มาแนะนำครับ ตัวลำโพงถูกออกแบบมาในตลับพับเก็บได้พกพาสะดวก เมื่อกางออกมา ฝากล่องทำหน้าที่เหมือนขาตั้ง และช่องว่างด้านหลังยังช่วยทำให้มิติเสียงเบสดีขึ้นด้วย การควบคุมสั่งงานผ่านปุ่มสัมผัสด้านบน ด้านหน้าส่วนของแผงลำโพง แสดงเวลา และสถานะของลำโพงขณะนั้น นอกจากนี้ ด้านข้างยังมีเสาอากาศสำหรับรับฟังวิทยุได้อีกด้วย สามารถตั้งเป็นนาฬิกาปลุกได้ เชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงผ่านทาง Bluetooth หรือจะใช้สาย Audio 3.5mm ผ่านทางช่อง Line In ด้านหลังก็ได้ ลำโพงมีวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ ให้เสียงเบสเกินตัวสำหรับลำโพงขนาดเล็กแค่นี้
IMG_1130
คุณสมบัติของลำโพงจากเว็บ Geneva Lab
Model XS – Bluetooth, FM, Alarm Clock, ลำโพง, ภาคขยายเสียง. All-in-One.
• ลำโพงระบบ 2.1 ประกอบด้วยทวีตเอร์ขนาด 1″ สองตัวและลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 2¼” หนึ่งตัว
• มี Bluetooth เพื่อรับข้อมูล Streaming แบบไร้สาย
• เมื่อ Bluetooth และ Line-in mode ทำงาน ภาคขยายดิจิตอลจะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเมื่อภาครับ FM mode ทำงาน ภาครับวิทยุสัญญาณอนาล็อกจะทำงานเต็มประสิทธิภาพเช่นกัน
• ลำโพงแต่ละตัวจะมีภาคขยายของตนเอง และถ่ายทอดสัญญาณเสียงได้อย่างแม่นยำ เที่ยงตรง
• แบตเตอรี่ Lithium สามารถชาร์จไฟได้ และเล่นได้นานกว่า 5 ชั่วโมง
• วิทยุ FM ดิจิตอลมีฟังก์ชั่นค้นหาสถานีระบบอัตโนมัติ
• นาฬิกาปลุกระบบดิจิตอล
• จอดิสเพลย์ LED แสดงผล Volume/Mode/Frequency
• ควบคุมด้วยปุ่มกดเรืองแสง ระบบสัมผัส
• มีขั้วต่อ Stereo mini-jack สำหรับต่อกับอุปกรณ์จากภายนอก
ข้อมูลจำเพาะ Model XS
• ออกแบบทางด้วยวิศวกรรมที่ Switzerland โดยทีมออกแบบของ Geneva Lab
• ตู้ : สีเคลือบขึ้นเงาแบบเปียโน มีสีขาว สีดำและสีแดง
คุณสมบัติ
• ระบบลำโพง : 2 × 1″ tweeters และ 1 × 2¼” woofer
• ภาคขยาย : Digital และ Analogue Amplifier (Class A/D) ให้กำลังขับ 12 (2×3, 1×6) watt output
• การตอบสนองความถี่ : 80 Hz – 20 kHz
เครื่องเสียงในตัว
• Digital FM radio tuner มีฟังก์ชั่นค้นหาคลื่นสถานีอัตโนมัติ
การเชื่อมต่อ
• ขั้วต่อ Analogue Audio in: 1 × Stereo mini line-in ขนาด 3.5 mm (⅛ inch) สำหรับต่อกับอุปกรณ์เครื่องเสียงภายนอก คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น MP3, TV และรับสัญญาณ Wireless Music Receiver
• Bluetooth 2.1 A2DP : สำหรับรับข้อมูลดนตรี Streaming
ความต้องการไฟฟ้า
• แหล่งจ่ายไฟ : 100 – 240V AC, 50 – 60Hz
ขนาดและน้ำหนัก
• กว้าง × สูง × ลึก (เครื่องเปิดตัวเครื่อง): 15.7 cm × 10.2 cm × 11.5 cm (6.2″ × 4″ × 4.5″)
• น้ำหนัก : 0.5 kg (1.1 pounds)
อุปกรณ์เสริมที่มี
• มีหม้อแปลงกระแสไฟ AC พร้อมสาย
• แบตเตอรี่ Lithium 2700 mA สามารถชารต์ไฟได้
• สายต่อเพิ่มความยาวแบบ Stereo mini line-in: ขนาด 3.5 mm (⅛ inch)
IMG_1127
กล่องใส่ลำโพง พับเก็บได้พกพาสะดวกมาก

IMG_1138

ช่องชาร์จไฟด้านหลัง และช่อง Audio In สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงที่ไม่มี Bluetooth อื่นๆ
แบตเตอรี่ขนาด 2,700 มิลลิแอมป์สามารถเปิดฟังเพลงได้นานหลายชั่วโมง หรือใช้ทั้งวันได้สบายๆ ลำโพงมีให้เลือกสามสีทั้งสีขาว ดำ หรือแดง  ราคาตั้งไว้ที่ 7,490 บาท
ขอขอบคุณบริษัท www.mahajaklife.com ที่ส่งสินค้าน่าสนใจมาให้เราลองเล่นดู หรือใครสนใจลำโพงชุดเครื่องเสียงอื่นๆ ก็ลองเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บนะครับ ลำโพงน่าสนใจทั้งนั้น

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รีวิว : ลำโพง JBL-GO

รีวิว : ลำโพง JBL-GO

ลำโพงพกพกอันเล็กที่ได้รับคำชมมาเยอะว่าเสียงดี สีสวย มี Bluetooth และที่สำคัญราคาไม่แพงพันต้น ๆ กับ JBL-GO มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
JBL-GO เป็นลำโพงขนาดเล็กที่ผมเห็นครั้งแรกแต่ยังไม่ทราบราคายังงง ๆ ว่า JBL ลงมาสู้ศึกลำโพงขนาดเล็กแบบนี้จะสู้ได้ไงเพราะกลุ่มนี้เน้นราคาถูก ๆ ทั้งนั้น พอรู้ราคา JBL-GO เท่านั้นแหละครับ ไม่น่าเชื่อว่า JBL จะลงมาฮุคหมัดเน้น ๆ ออกมาเพราะราคา 1,290 บาททำให้เจ้าอื่นต้องคิดหนักเหมือนกันไม่ว่าจะแบรนด์ระดับเดียวกัน หรือแม้กระทั่งของโนเนมไม่มีแบรนด์ก็ยังเหนื่อยเมื่อเจอแบรนด์ใหญ่ทำราคาแบบนี้ ….อั๊ยย่ะ พอรู้แบบนี้เลยต้องลองของกันสักหน่อย
สำหรับตัวลำโพง JBL-GO รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 6.87 x 8.27 เซนติเมตร และหนาเพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น น้ำหนัก 130 กรัม ตัวเครื่องมีสีให้เลือกมากถึง 8 สีได้แก่สีดำ, สีขาว, สีน้ำเงิน, สีเหลือง, สีแดง, สีส้ม, สีชมพู, สีเหลือง และสีเขียวพาสเทล เผื่อนึกไม่ออกว่าตัวเลขขนาดที่บอกไปเล็กแค่ไหนกันเชียว เล็กขนาดที่ว่าผมจับลำโพงด้วยสองนิ้วได้สบาย ๆ
jbl-go_01
jbl-go_07

สเป็คของ JBL-GO เป็นลำโพงที่ใช้ Bluetooth 4.1 ในการเชื่อมต่อ มาพร้อมขนาดดอกลำโพง 40 มม. ในเครื่องใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 600 มิลลิแอมป์ ตามสเป็คระบุว่าใช้ฟังต่อเนื่องได้สูงสุด 5 ชั่วโมง ยังไม่พอครับลำโพง JBL-GO ใช้เป็นลำโพงตอนคุยโทรศัพท์ได้ด้วยซึ่งในเครื่องมีไมโครโฟนเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ภายในเครื่อง ด้านข้างของเครื่องมีช่อง Micro USB สำหรับชาร์จไฟมาคู่กับช่องเสียบสายแบบ 3.5 มม. เตรียมไว้ให้เผื่อกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อ Bluetooth ก็ยังเสียบสายฟังเพลงได้ อีกด้านทำเป็นช่องสำหรับคล้องสายคล้องมือคล้องกระเป๋าแล้วแต่ว่าเราจะประยุกต์ยังไง

jbl-go_02
jbl-go_04
jbl-go_03

ด้านเสียงของ JBL-GO ผมใช้แบบไร้สายต่อลำโพงกับ iPhone 6 เป็นหลักถือว่าให้เสียงที่ดีทีเดียวสำหรับตัวเครื่องแค่นี้ คือพอเจอลำโพงเล็ก ๆ แบบนี้ผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรมากกับรายละเอียดเสียงอยู่แล้ว แต่ JBL-GO ยังให้เสียงที่จัดว่าดีอยู่ประมาณหนึ่ง เรื่องนี้เพื่อนรอบตัวที่ซื้อ JBL-GO ไปแล้วพูดเหมือนกันว่าเสียงดีกว่าที่คิด แถมเสียงที่ทำได้ก็เสียงดังไม่ใช่เล่น เท่าที่ลองใช้มาพักใหญ่คือเสียงเบสเสียงต่ำพอมีให้รู้สึกนิดหน่อยพอเป็นพิธี เอาแค่เปิดเสียงดัง ๆ แล้วใช้ฟังเพลงทั่วไปเสียงไม่พร่าไม่กระพือเป็นอันใช้ได้ อย่าไปเจอเพลงที่เบสหนักหน่วงมากเป็นพอ
jbl-go_05
ฟีเจอร์ใช้งานเป็นสปีกเกอร์สำหรับคุยโทรศัพท์จากที่ลองจัดว่าพอฝากความหวังได้ในกรณีลำโพง JBL-GO วางอยู่บนโต๊ะไม่ห่างตัวเรามากนักเสียงที่เราพูดเข้าลำโพง ปลายทางยังได้ยินเสียงเราชัดระดับหนึ่ง จากที่ลองระยะหวังผลแบบเสียงชัด ๆ ไม่เกิน 1 ช่วงแขน ลองตั้งไกลกว่านั้นปลายสายเริ่มได้ยินเสียงเราเบาลงแล้ว
ปุ่มกดบนลำโพงก็ถือว่าโอเคครับ นอกจากปุ่มเปิดปิด ปุ่มกดเพื่อเชื่อมต่อ Bluetooth ก็มีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มกดสำหรับรับหรือวางสายโทรศัพท์ที่เป็นปุ่ม Play/Puase ไปด้วยในตัว ซึ่งปุ่มกดต่าง ๆ ทำดีใช้ได้ครับ โดยปุ่มปรับระดับเสียงจะนูนกว่าปุ่มอื่นให้นิ้วคลำ ๆ ไปก็กดได้เลยไม่ต้องชะโงกหน้ามาดูอีกทีว่าเรากำลังกดปุ่มอะไรอยู่ เท่าที่ใช้ส่วนนี้บอกตามตรงกดปุ่มกดตัวเครื่องน้อยมากครับ ปุ่มที่กดบ่อยสุดคือปุ่มเปิดปิดการทำงานของเครื่อง นอกนั้นผมถนัดกดปรับระดับเสียงกดรับสายโทรศัพท์บน iPhone 6 มากกว่า

jbl-go_06

ก่อนที่ผมจะได้รีวิวเจ้า JBL-GO เพื่อน ๆ รอบตัวซื้อกันไปหลายคนแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าชอบมาก พอมาได้ลองจริงคือปลื้มอย่างที่ทุกคนบอกจริง ๆ รวม ๆ แล้ว JBL-GO ใช้ฟังเพลงถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเสียงดีกว่าที่คาดไว้เยอะ ส่วนฟีเจอร์สำหรับใช้คุยโทรศัพท์ถือว่าทำได้ดีพอควร กับราคาเท่านี้ทำได้มากเท่านี้ยกให้เป็นลำโพงจิ๋วพกพาที่ผมชอบสุดในช่วงครึ่งปี 2015 ครับ

ราคา : 1,290 บาท
เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ทดสอบ : บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด

หาซื้อสินค้าได้ที่