วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอก ! รีวิว Geneva Model L ลำโพงสุดชิคจากสวิตเซอร์แลนด์

ประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอก ! รีวิว Geneva Model L ลำโพงสุดชิคจากสวิตเซอร์แลนด์

Geneva Acoustics แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์แดนนาฬิกาหรู โดดเด่นด้วยดีไซน์ สวย-ประนีต-แหวกแนว อันเป็นเอกลักษณ์ เปรียบประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกประดับบ้าน ได้ใจลูกค้าที่ชื่นชอบการออกแบบที่มีสไตล์ โมเดลที่ผมได้รีวิวคือ Geneva Sound System "Model L DAB+" (with Bluetooth) มันคือเครื่องเล่น "All-In-One" พร้อมลำโพงที่ผนวกการเชื่อมต่อไร้สายอย่างบลูทูธมาให้ด้วย 
หมายเหตุ : DAB+ คือ Digital Radio ประเทศไทยยังไม่รองรับ


Geneva Model L (with DAB+ & Bluetooth)
ราคาเปิดตัว 49,900 บาท
Geneva แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์
Model L หรือขนาด "ใหญ่" และสีที่ทีมงานได้มาทดสอบคือสีดำ Glossy Black


ดีไซน์เปรียบประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน

Geneva Model L : All-in-One Bluetooth Speaker
-ลำโพงประกอบด้วยทวีตเตอร์ขนาด 1" สองตัว
-ลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 5.25" สองตัว
-ภาคขยาย : 4 ช่อง  Digital (Class D) Amplifier 180 watts ประสิทธิภาพสูง กินไฟต่ำ
-Bluetooth 2.1 (A2DP) Apt-X and  AAC codecs  เพื่อรับข้อมูล Streaming แบบไร้สาย
-CD player
-วิทยุ FM ดิจิตอลมีฟังก์ชั่นค้นหาสถานีระบบอัตโนมัติ บันทึกสถานีได้ 6 สถานี
-DAB/DAB+ radio บันทึกสถานีได้ 6 สถานี
-นาฬิกาปลุกแบบดิจิตอล
-ควบคุมด้วยปุ่มกด เรืองแสง ระบบสัมผัส
-จอดิสเพลย์ LED แสดงผล Volume/Mode/Frequency และ เวลา
-ควบคุมด้วยปุ่มกดเรืองแสง ระบบสัมผัส
-มี 2 ขั้วต่อ Stereo mini-jack และ  RCA
-สีเคลือบขึ้นเงาแบบเปียโน มีสีขาว สีดำ สีแดง
-ควบคุมด้วย Remote control
-ขาตั้ง อะลูมิเนียม ประกอบและแยกชิ้นได้
ฟีเจอร์
-ระบบลำโพง : 2 × 1“tweeters และ  2 x 5.25” woofers  
-ภาคขยาย : 4 ช่องสัญญาณ Digital (Class  AB) Amplifier 180  Watt
-การตอบสนองความถี่ : 40 Hz - 20 kHz
-แหล่งจ่ายไฟ : 100 - 240V AC, 50 - 60Hz
-โหมดประหยัดพลังงาน  Max 100 W, Standby 0.5 W
-น้ำหนัก : ~16.0 kg
-เชื่อมต่อ Bluetooth 2.1 A2DP apt-X and  AAC codecs
-Stereo mini  (3.5 mm)
-Analogue audio inputs for external audio sources (1.8inch) RCA
-Support for external audio streaming devices (AirPlay® with Apple AirPort Express, Sonos, etc.)
via the stereo mini connector.
ขนาดและน้ำหนัก
-กว้าง × ยาว × สูง (เมื่อถูกเปิด): 44.8 ซม. x 29.1 ซม.x36.5 ซม.  
-น้ำหนัก: 16 กิโลกรัม (35 ปอนด์)
ราคาเปิดตัว 49,900 บาท

หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ genevalab
ดีไซน์ของ Geneva มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวตู้ของ Model L ทำจากไม้พร้อมเคลือบผิวสีดำเงาแบบเปียนโนกลอส ดูสวยงามหรูหรา ตัวเครื่องทรงสี่เหลี่ยมมีขนาดค่อนข้างใหญ่บึกบึน หากเป็น Model M หรือ S ก็จะเล็กลงตามลำดับ กล่าวคือชื่อรุ่นจะถูกเรียงลำดับเหมือนขนาดเสื้อ เช่น S, M , L, XL เนื่องด้วยสรีระของตัวตู้ที่ใหญ่ทำให้ได้เปรียบเรื่องการจัดวางตัวขับเสียงโดยไร้ข้อจำกัด ไร้การถูกลดทอนอย่างไม่จำเป็น (เฉกเช่นลำโพง Soundbar) แผงหน้าโดดเด่นด้วยดีไซน์ "รูปโดม" ซึ่งเมื่อเห็นปุ๊บจะรู้ปั๊บว่ามันคือ Geneva มุมขวาบนของแผงหน้ามีไฟ Digital แสดงสถานะการทำงานของเครื่อง ส่วนด้านบนมีปุ่มกดระบบสัมผัส รวมถึงช่องใส่ CD แบบดูดเข้า ซึ่งทำงานได้อย่างสมูธลื่นปรื๊ด ด้านล่างมีช่องต่อ Input แบบ Analog RCA in , แจ็ค Stereo Mini 3.5 พร้อมช่องต่อสำหรับวิทยุ FM ส่วนด้านหลังเป็นท่อคายเบสดีไซน์สลิมยาว ถือว่าทำได้สวยงามกลมกลืนเข้ากับตัวเครื่อง ด้านรีโมทคอนโทรลมีขนาดเล็กกระทัดรัดดูหรูหรา เคสสีเงินตัดกับปุ่มสีดำได้ค่อนข้างลงตัว พร้อมปุ่มควบคุมและปุ่มสลับ Input อย่างครบครัน

ด้านหน้าของเจ้า Model L

ตัวเครื่องสีดำเงา Glossy Black

ปุ่มกดแบบสัมผัส

ฐานรองเครื่อง 4 ขา แข็งแรงมั่นคง
สามารถถอดได้ในกรณีต้องการวางกับขาตั้ง

ช่องต่อ Input มีทั้ง Radio / Line In = Analog แดง-ขาว / และ Air = แจ็ค 3.5
ส่วนช่องเสียบสายไฟแเป็นแบบ IEC 3 ขา

ท่อคายเบสด้านหลัง ช่วยเพิ่มพลังและความหนักแน่น
 
 เส้นสายที่ติดมาในชุดประกอบไปด้วย
สาย Mini Jack 3.5 / สายอากาศสำหรับวิทยุ FM / สายไฟ



รีโมทไซส์คอมแพ็ค เคสสีเงินตัดกับปุ่มสีดำ
มาทดสอบประสิทธิภาพกัน ตัวผมเองเป็นคนชอบฟังเพลงมากถึงมากที่สุดอยู่แล้ว เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้เครื่องเล่นระดับจัมโบ้มาไว้ประจำการภายในบ้าน โครงสร้างการขับเสียงภายในประกอบไปด้วยทวีตเตอร์ขนาด 1" = สองตัว และวูฟเฟอร์ขนาด 5.25" = สองตัว นั่นหมายถึงมันเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ (บางท่านอาจไม่แน่ใจเพราะมันมองไม่เห็นดอกลำโพงภายใน) ภาคขยาย : 4 ช่อง Digital (Class D) Amplifier 180 watts ประสิทธิภาพสูง กินไฟต่ำ

เริ่มจากแผ่น CD ก่อนเลย เพลง Acoustic หวานๆจาก M.Y.M.P ใส่แผ่นลงช่อง Slot มันดูดแผ่นลงไปได้ "นิ๊ง" มาก จัดว่าลื่นไหลและเงียบสงัดสลัดข้อยึดติดที่เคยชินกับเสียงดูดแผ่นอันน่ากลัวของเครื่องเล่นเกมส์ PS3 / PS4 หรือแม้กระทั่งเครื่องเล่น CD ในรถของผมไปจนหมดสิ้น ผมเชิญ "คุณชานม" อาจารย์โยดาแห่งภาพและเสียงให้มาทดสอบใส่แผ่นอยู่บ่อยๆ แกยังเผลอเอ่ยปากว่า "เนียนและสงัด" มาก จริงๆแอบใช้แกเปลี่ยนแผ่นให้ต่างหาก (ฮา) เลยขอชมเชยไว้ ณ ตรงนี้ 
 
พระเอกคือดอก Woofer ขนาด 5.25" สองคู่ ผสานพลังกับ Tweeter ขนาด 1" อีกสองคู่
 
เครื่องดูดแผ่น CD ลงไปได้เนียนมากจนแอบอมยิ้ม
 
เริ่มเล่น Track 1 เพลงโปรด Especially For You เจ้า Geneva Model L ก็ถ่ายทอดเสียงกีตาร์พลิ้วๆสอดประสานกับเสียงร้องของนักร้องสาวได้อย่างลงตัว มีความชัดและเอิบอิ่ม เสียงสายกีตาร์ตึงแน่น ได้ความเป็นดนตรีสูง มิติสเตอริโอซ้ายขวายังมีบ้างถึงแม้หน้าลำโพงเป็นชิ้นเดียว ส่วนโฟกัสนักร้องชัดเจน สามารถจินตภาพตำแหน่งเครื่องดนตรีลึกตึ้นได้ ผมนั่งฟังไปพร้อมนั่งทำงานกับโน้ตบุ๊คไป ขอสารภาพว่าเสียงมันไพเราะและฟังสบายหูมาก จนสมาธิในการทำงานของผมหลุดกระเจิงไปจดจ่อกับเจ้า Geneva แทน ขอบเขตสเตอริโออิมเมจไม่กว้างนักแต่ระดับความดังสามารถครอบคลุมห้องขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างสบาย โดยตัวเครื่องก็สามารถปรับจูนระดับเบส (Bass) และเทรเบิ้ล (Treble) ให้เหมาะสม ได้จากรีโมทคอนโทรลสุดชิค เพียงแค่กด + หรือ - เพื่อเพิ่มหรือลดระดับได้ตามใจชอบ
 

เพลง Especially For You จาก M.Y.M.P
หลังจากนั้นทดสอบกับเพลงออดิโอไฟล์ระดับอ้างอิงอย่าง Better To Be Home Soon ของ Andrea Zonnจากแผ่น Best Audiophile Voices II กันบ้าง จุดเด่นของเพลงนี้คือวัดคุณภาพและปริมาณของ "เบส" ได้ตั้งแต่เริ่มฟัง และก็ไม่ผิดหวัง เจ้า Geneva Model L สามารถโชว์ออฟ "จุดแข็ง" ของมันออกมาได้อย่างหมดจด เสียงเบสค่อนข้างใหญ่โตโอฬาร คุณภาพจากเสียงเครื่องเคาะในช่วงอินโทรได้ทั้งลึกและสะอาด เหนือชั้นกว่าพวก Bluetooth หรือ Desktop Speaker ทั่วไปไปหลายช่วงตัว เสียงนักร้องสาวเอื้อยออกมาได้ถึงอารมณ์ในช่วงก่อนจบช่วงท่อนฮุค ฟังนานได้ไม่มีล้าหู จุดเด่นของตัวตู้ใหญ่และควบรวมทวีตเตอร์และวูฟเฟอร์ไว้ในที่เดียวกันคือเสียงความถี่ทุกย่านถูกรวมและเปล่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติจากจุดจุดเดียว
 

เพลง Better to be Home Soon ของ Andrea Zonn
จากแผ่น Best Audiophile Voices II

เจ้า Model L รองรับการเล่นเพลงผ่าน Bluetooth โดยให้เรากดปุ่มสัญลักษณ์ Bluetooth บนรีโมท ผมลองสตรีมเพลง Change The World ของ Eric Clapton เป็นไฟล์ .wav ขนาดใหญ่ (ริปจากแผ่นแท้มา) อย่างที่รู้ว่าไฟล์ .wav มีเรโซลูชั่นที่สูงกว่าไฟล์ .mp3 อยู่มาก ผมใช้ทดสอบเพราะจะดูว่าการ Pairing และรับ-ส่งระหว่าง iPad 2 กับ Geneva Model L เป็นไปอย่างราบลื่นหรือไม่ ? ผลก็คือสบายหายห่วง ส่วนคุณภาพเสียงก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แม้มิอาจเทียบกับการเล่นจาก CD โดยตรง ช่วงอินโทรที่เปิดด้วยกีตาร์โปร่งสลับกับแบ็กกราวน์เครื่องเคาะเสริมจังหวะแบบเบาๆก็ยังคงรักษามาตรฐานน้ำหนักเสียงไว้ได้ดี เสียงร้องเอมอิ่ม ผ่อนคลายชวนฟัง
 

เพลง Change The World ของป๋าสโลว์แฮนด์ Eric Clapton

หรือแม้กระทั่งเปิดวีดีโอ YouTube เล่นใน iPad และให้เสียงไปออกที่ Geneva ก็ทำได้ชิลชิลเช่นกัน ถึงแม้คุณภาพเสียงจะมิอาจสู้การเล่นไฟล์เพลงแท้ๆในเครื่องก็ตาม ทดสอบการเล่นผ่าน Bluetooth ถือว่าผมแอบ "ติดใจ" เพราะสามารเลือกเปลี่ยนเพลงได้อย่างฉับไวโดยไม่ต้องเสียเวลาสลับแผ่น และที่สำคัญยังคงรักษาคุณภาพเสียงจากการสตรีมผ่านอากาศไว้ได้ดี สรุปทดสอบเพลินเลยยาวไปถึงตีสอง เล่นจน iPad แบตหมดซะงั้น เลยเปลี่ยนไปทดสอบกับการดูหนังในลำดับถัดไปแทนแบบไม่ต้องหลับต้องนอน
 
ทดสอบการเล่นผ่น Bluetooth ด้วย iPad 2
 
การทดสอบดูหนังผมใช้เครื่องเล่น Oppo BDP-95 เล่นแผ่น Blu-ray โดยต่อสาย 3.5 mm จากทีวีมาเข้าช่อง Stereo Mini Jack (Air) ของ Geneva Model L ขั้นสุดท้ายกดปุ่ม Air บนรีโมทเพื่อเปลี่ยน Input ให้เจ้า Geneva พร้อมรับและขับเสียงจากทีวี เอาหละ ! เริ่มจากหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Transformers : Age of Extinction เสียงคำรามของหุ่ยนต์ผู้นำ Optimus Prime ใหญ่เข้มน่าเกรงคราม เสียงซาวด์เอฟเฟกต์จังหวะต่อสู้กันโครมครามแผ่ซ่านออกมาอย่างมีน้ำหนัก แม้เสียงจะกระจุกอยู่ตรงกลางไม่เซอร์ราวด์นัก แต่เนื้อเสียงและปริมาณเบสทำได้ดีกว่าทีวี Sony รุ่นท็อปที่ให้ลำโพงขนาบข้างมา ดังนี้ผมจึงนำมันมาใช้แทนลำโพงทีวีทั้งการดูหนัง รวมถึงดูช่องรายการต่างๆ ยิ่งเป็นเสียงบทสนทนานี่ทำได้ดีมาก อิ่มแน่น ไม่มีกร้าน บาดหูเหมือนลำโพงติดทีวีทั่วไปหรือแม้กระทั่งลำโพงซาวด์บาร์ในหลายรุ่น

ทดสอบกับ Transformers : Age of Extinction เสียงหนักแน่นมีน้ำหนักและชัดเจน
ผมใช้แทนลำโพงทีวีและซาวด์บาร์ไปเรียบร้อยโรงเรียนสวิส
 
หลังจากนั้นลองทดสอบแผ่นคอนเสิร์ตของป๋า Elton John เพลง Dont let the sun go down on me  ซึ่งเป็นเพลงหากินของผมที่มักใช้เปิดสาธิตในงานบรรยายประจำปี ค่อนข้างประทับใจเสียงกระแทกเปียโนคลอไปกับเสียงร้องรัวเร็วของป๋าในช่วงท่อนฮุค ปลายเสียงทะยานออกไปอย่างพอเหมาะ ไม่รุกเร้าเกินไปจนเสียดเข้าหู การจำแนกทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรีและรายละเอียดทำได้อยู่ในเกณฑ์ดี สมดุลเสียงดีเยี่ยม โดยรวมแล้วสามารถส่งมอบอารมณ์กินใจได้เทียบเคียงลำโพงไฮไฟ 
 
เอามาทดสอบกับคอนเสิร์ต Blu-ray ของป๋า Elton John


ดีไซน์สุดชิคแบบนี้ หากมีติดไว้ในห้องนั่งเล่นคงเท่ห์น่าดู ^ ^
 
สรุป
- คุณภาพเสียงดีเยี่ยม เสียงใหญ่มีน้ำหนัก เอิบอิ่ม ฟังสบาย
- ดีไซน์สวยเป็นเอกลักษณ์ หากวางขาตั้งจะเปรียบดั่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกภายในบ้าน
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และแบบ Analog ด้วยสาย RCA และ Mini Jack 3.5
- ตัวเครื่องอาจจะเทอะทะ มีน้ำหนักมากไปนิด แต่นั่นหมายถึงเครื่องในที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ
- ช่องใส่ CD ทำงานได้ "นิ๊ง" มาก ดูดแผ่นได้เนียนตาและหูที่สุด
- หากใส่แผ่น CD ค้างไว้ในเครื่อง และมีการใช้ Input เป็น Air (Mini Jack 3.5) บางที Input จะกระเด้งสลับกลับไปเป็น AIR เองในบางครั้ง แนะนำให้เอาแผ่นออกจากเครื่องก่อนทุกครั้ง
 
เมื่อ "ดีไซน์มาบรรจบกับคุณภาพ" Geneva Model L จึงเป็นอีกหนึ่งลำโพงที่มิได้แค่โดดเด่นเฉพาะรูป....แต่จูบหอมด้วย รองรับการเล่นหลากรูปแบบทั้ง Bluetooth / CD / Analog In เรื่องคุณภาพเสียงจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม สเกลเสียงใหญ่ หนักแน่น ได้ความโอ่อ่า ฟังสบาย ทำให้ใช้เวลาเพลินกับมันได้ทั้งวัน ที่สำคัญด้วยกำลังขับกว่า 180 Watts จึงสามารถเปล่งเสียงครอบคลุมห้องนั่งเล่นขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างทั่วถึง สรุปว่าเจ้า Geneva Model L เปรียบดั่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามที่ช่วยเสริมบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่ขึ้นด้วยรูปลักษณ์และเสียงเพลงอันไพเราะ หากมีติดไว้ซักมุมหนึ่งในบ้าน...ก็คงเก๋ไก๋อย่าบอกใครเชียว !
 
 

ขอบคุณ บริษัท มหาจักร ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ที่เอื้อเฟื้อเครื่องทดสอบ

สนใจสินค้าติดต่อ : บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
46 ถ.สุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร. 02-2560020-9 แฟกส์: 02-253-1696
อีเมล์: info@mahajak.com

1 ความคิดเห็น: